ซึ่งภายในเขตทางตอนใต้ของคิวชูได้เป็นพื้นที่ที่ได้อยู่ใกล้กับภูเขาไฟทำให้มีทรายที่ร้อนและมีวิตามินมากจึงทำให้คนแถวนี้นิยมมานอนอบกับทรายซึ่งได้มีคุณบัติที่จะทำให้ผิวดีขึ้นและยังช่วยในระบบภายในและในขณะที่เราได้นอนอบทรายในอากาศที่หนาวเย็นนั้นนอกจากความรู้สึกอบอุ่นร่างกายจากทรายดูๆไปมันก็เหมือนเป็นการซ้อมตายอยู่เหมือนกันเพราะเมื่อได้ลุกขึ้นไปอาบน้ำจนเรียบร้อยแล้วก็ยังรู้สึกอบอุ่นจากภายในจนมีเหลื่อซึมอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งมันช่วยสู้กับอากาศที่หนาวเหน็บในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดีเราได้ออกเดินทางต่อเพื่อเดินทางไปยังภูเขาไฟอะโซะซึ่งทิวทัศน์ของถนนในระหว่างทางในช่วงนี้ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาตลอดเส้นทางจึงทำให้เราได้จอดรถหยุดดูวิวบ่อยครั้งกับความสวยงามของถนนเส้นนี้และเราก็ได้แวะที่ร้านข้าวหน้าเนื้อชื่อดังระหว่างทางยังภูเขาไฟอะโซะนั้นคือร้านอาหารคิตายามะได้เป็นสถานที่ที่หลายคนยอมเดินทางไกลเพื่อมากินเนื้อวัวแดงของที่นี่ซึ่งมันเป็นสิ่งที่อร่อยเกินคำบรรยายของเรามากนักทิวทัศน์หลังร้านข้าวหน้าเนื้อเป็นสิ่งที่คุ้มค่าไม่ต่างจากอาหารที่พึ่งลงท้องไป
ซึ่งมันคงจะบอกได้ว่าเป็นอาหารที่เราชอบมากที่สุดตั้งแต่ได้มากินที่ญี่ปุ่นและวิวแหลมของเขาหลังร้านนั้นเป็นจุดชมวิวระดับแกรนด์ที่เราพลาดไม่ได้กับทิวทัศน์ของเมืองที่อยู่ภายภาคหน้าที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยจนมองเห็นเป็นรูปตารางและเราก็ได้ออกเดินทางต่อไปกับถนนที่รายล้อมไปด้วยทุ้งหญ้าจนมาถึงทุ้งหญ้าคุซะเซ็นริซึ่งได้เป็นจุดหนึ่งในการชมภูเขาไฟอะโซะ
โดยการนั่งรถแทรกเตอร์ไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่งในระหว่างที่ภูเขาไฟอะโซะกำลังปะทุซึ่งเป็นครั้งแรกของเราที่ได้มาเห็นภูเขาไฟในลักษณะนี้และเราก็ได้ขึ้นรถมากับเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ซึ่งรถคันนี้เป็นรถที่ดูขับยากมาก
เนื่องด้วยพื้นที่ที่ถูกใช้งานจึงทำให้ความรู้สึกในระหว่างที่นั่งอยู่นั้นดูคล้ายจะเป็นความระทึกมากกว่าการชมวิวด้วยซ้ำและด้วยความน่ารักของเจ้าหน้าที่ที่ก็ยังช่วยนำกล้องของเราลงไปบันทึกภาพถึงแม้ว่ามันจะดูสายไปหน่อยแต่ก็ยังได้ภาพสวยๆแบบนี้กลับมา
ซึ่งต้องขอบคุณการทำงานอย่างเต็มที่ของเจ้าหน้าที่ที่ที่นี้จริงๆที่นำพาให้เรามาชมวิวภูเขาไฟอะโซะในจุดนี้บอกได้เลยว่ามันเป็นสิ่งแรกเลยที่เราประทับใจเป็นอย่างมากที่ได้มาท่องเที่ยงยังสถานที่สวยแบบนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิตในการท่อเงที่ยวเพียงลำพังคนเดียว
ได้้รับการสนับสนุนโดย ติดต่อ next88