เปิดภาพเมืองภูเก็ตที่แสนว่างเปล่าไร้เงานักท่องเที่ยว

เราเชื่อว่าหลายๆที่ต่างก็พอรู้กันอยู่แล้วว่ามีการปิดเมืองหลายๆเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้วและจังหวัดของภูเก็ตก็เช่นกันที่มีคำสั่งให้ทำการล็อคดาวเพื่อเป็นการปิดเมืองของเมืองภูเก็ตเพราะอย่างที่รู้กันดีว่าจะต้องเป็นการปิดเมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโคลิค 19โดยจังหวัดภูเก็ตนั้นได้ทำการปิดเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยมีการถ่ายรูปต่างๆในตอนนี้ซึ่งมองดูแล้วเป็นภาพที่ว่างเปล่าไร้นักท่องเที่ยวออกมาสู่กระแสของโลกโซเชียล

ทำให้น่าสลดใจยิ่งนักเนื่องจากอย่างที่เรารู้กันดีว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่เรียกได้ว่าไม่เคยได้หลับได้นอนกันเลยเพราะมีการคืนก็อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ตามแต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจังหวัดที่เราเห็นว่ามีการเดินทางท่องเที่ยวกันทั้งวันทั้งคืนอย่างนี้จะเงียบสงบไร้ผู้คนอย่างทุกวันนี้ดูแล้วกลายเป็นเมืองที่เงียบเหงามากเลยแหละ

จากสถานที่ที่เราคุ้นเคยหรือคุณตากันเป็นอย่างดีโดยมีการคึกครื้นอยู่ตลอดเวลากลายเป็นสภาพที่เงียบเหงาไร้ผู้คนดูแล้วน่าหดหู่ใจจริงนะแต่ความสวยงามของมันโดยธรรมชาติของมันนั้นทำให้ถ่ายรูปออกมาแล้วมีความสวยงามแบบเงียบสงบไปอีกแบบหนึ่งในมุมหนึ่งของการถ่ายภาพต่างๆเกี่ยวกับสถานที่ของจังหวัดภูเก็ตที่มีคนคืนในช่วงก่อนที่จะปิดหน้านี้ทำให้ได้เห็นว่าเป็นเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านมากทำให้เรียกว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวอีกสถานที่หนึ่งของประเทศไทยของเรานั่นเอง

ซึ่งมาในขณะนี้รวมแล้วแต่ไม่ต่างอะไรกับสถานที่ล้างเลยก็ว่าได้มองไปรอบข้างบรรยากาศดูแล้ววังเวงชอบกลจากที่คนพลุกพล่านอยู่ๆก็คนก็หายวับไปกับตาการเดินมองดูไปรอบๆทำให้คิดถึงสภาพบรรยากาศเก่าๆที่มีคนพลุกพล่านเหลือเกินเรามองว่าวันนี้มองสิ่งไหนหรือไปแถวไหนก็จะเห็นได้ว่ามันค่อนข้างที่จะน่าใจหายเหมือนกัน

การเดินทางบนท้องถนนนั้นแทบจะไม่มีรถเลยก็ว่าได้เราเชื่อว่าสักวันหนึ่งประเทศของเราหรือประเทศข้างเคียงของเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นหันไปทางไหนก็เจอแต่นักท่องเที่ยวหรือคนในประเทศเดินกันให้คึกครื้นมีเสียงหัวเราะต่างๆมากมายหรือหันไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คนมาถ่ายรูปเยี่ยมชมกับสถานที่ของเราหวังว่าวันนั้นคงจะมาถึงเร็วๆนี้

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆก็คงไม่ต่างอะไรกับจังหวัดของภูเก็ตนี้ที่เงียบเหงาไปด้วยผู้คนและเอาจริงๆแล้วเราก็ควรทำตามที่มีการประกาศอย่างเคร่งครัดเพื่อที่จะป้องกันเชื้อโรคให้หมดไปโดยเร็วและหวังว่าสถานที่ต่างๆที่เคยคืนจะกลับมาคืนเร็วๆนี้นะคะ

พาไปจุดแลนด์มาร์กริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไอคอนสยาม

เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกับไอคอนสยามกันมาบ้างแล้ว

เพราะมีการเปิดตัวกันสุดอลังการ ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในกรุงเทพ ที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งกินเนื้อที่ในการสร้างมากถึง 525,000 ตารางเมตรเลยที่เดียว ซึ่งต้องบอกเลยว่าหากใครมาเที่ยวที่ไอคอนสยามครั้งแรกคงมีหลงกันบ้านเพราะความกว้างใหญ่ ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 อาคารด้วยกันและแต่ละอาคารก็มีความแตกต่างกันรวมถึงมีการตกแต่งสไตส์ที่ไม่เหมือนกันทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่ไหนจะไม่รู้สึกเบื่อกับการที่จะเดินอยู่ในที่ไอคอนสยามแห่งนี้เลย และถึงแม้ว่าจะมาหลายครั้งแต่เชื่อเถอะว่าเดินยังไงก็คงเดินได้ไม่ครบทุกจุดเพราะทีนี่มีการแบ่งออกเป็นอาคารไอคอนสยาม

ที่จะเปิดเป็นร้านขายของกิน และร้านขายเสื้อผ้าเรียกได้ว่าอาคารไอคอนสยามคือศูนย์รวมของแห่งช็อปปิ้งที่สาวสาวทุกคนใฝ่ฝัน มีทั้งหมด 11 ชั้นด้วยกัน โดยมีการตกแต่งสีออกทองทอง ดำดำ ให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับ ส่วนอาคารไอคอนลักซ์ ที่นี่จะเน้นขายสินค้าที่มีราคาแพง  พวกสินค้าแบรนด์เนม เหมาะกับพวกดาราและไฮโซที่มีเงินเยอะเยอะมาเดินช็อปปิ้ง และอาคารที่สามคือ แม็กโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ ตรงนี้จะเป็นคอนโดที่พักที่หรูหรามีระดับ ราคาแพงมาก

แต่ก็เหมาะสมกับบริการที่จะได้รับ โดยทีนี่จะมีทั้งหมด 70 ชั้นด้วยกัน และอาคารสุดท้ายคือ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล ที่พักที่เป็นแบบห้องชุด เรียกได้ว่าเป็นห้องที่โครตหรูหรา แถมยังได้เห็นวิวสวยสวยของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งที่นี่มีจำนวน 146 ห้องโดยมีความสูงอยู่ที่ 52 ชั้น และที่ห้องพักแห่งนี้การันตีความแพง ว่าเป็นห้องพักที่แพงมากที่สุดในกรุงเทพเลยค่ะ

และหากใครที่สนใจจะเดินทางมาเที่ยวที่ไอคอนสยามนี้ สามารถขับรถยนต์ส่วนตัวมาก็ได้ หรือจะนั่งรถไฟฟ้าก็สะดวกดี หรือหากใครที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ นั่งเรือมาเที่ยวที่นี่ก็ยังได้นะคะ ที่นี่จะอยู่ตรงโค้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ฝั่งเดียวกับฝั่งธนบุรี บริเวณรอบรอบของไอคอนสยามก็จะมีโรงแรม ร้านค้าแห่งท่องเที่ยวอื่นอื่นอีกมากมาย

เรียกได้ว่าไอคอนสยามเป็นไข่มุกที่อยู่ตรงกลางเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเลย และหากใครจะมาเที่ยวที่นี่ก็สามารถมาได้ตามเวลาห้างเปิดปกติ สำหรับที่นี่จะมีอาหารของทั้งสี่ภาคของประเทศมารวมตัวกันเปิดร้านอาหารให้คนได้มาลองชิมกัน และยังมีร้านอาหารที่เป็นอาหารของประเทศต่างต่างก็มีอยู่ด้วย เช่นประเทศญี่ปุ่น และจุดที่ต้องแนะนำเลยคือที่นี่ในเวลาช่วงค่ำค่ำจะมีการเปิดระบำไฟที่สวยงามอลังการเป็นอย่างมาก ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวแห่งความภาคภูมิใจของไทย

พาเที่ยววัดคู่บ้านคู่เมือง

พาเที่ยววัดคู่บ้านคู่เมือง  วัดพระศรีรัตนศาสดาราม  

หากพูดถึงวัดที่เป็นวัดที่เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองอยู่คู่กับประเทศไทยมานานหลายทศวรรตแล้วละก็เชื่อว่าทุกคนแม้แต่เด็กตัวเล็กเล็กก็ยังรู้จักวัดแห่งนี้  นั่นก็คือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่ประชาชนชาวไทยเกือบแทบทุกคนมักจะเรียกกันแบบสั้นสั้นว่า วัดพระแก้วมรกต ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แห่งนั้นนอกจากจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคนชาวไทยแล้ว

อยากเป็นวัดที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกด้วย เนื่องจากที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้จะมีลักษณะของตัววัดที่มีศิลปะที่สวยสดงดงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงตลาดประเทศ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์ก ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อชมความงามของศิลปะของไทยกัน

นอกจากที่นี่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้ผู้คนพากันเข้ามากราบไหว้ขอพร พระแก้วมรกตได้แล้ว ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้ยังถือว่าเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นพิเศษ โดยจะมีพื้นที่วัดอยู่ใกล้กับพระบรมมหาราชวังซึ่งหากใครที่ต้องการที่จะเข้าไปทำความเคารพสักการะพระแก้วมรกตจะต้องมีการกำหนดเงื่อนไขต่างต่างมากมาย ทั้งเรื่องการแต่งกายที่ต้องแต่งกายให้สุภาพ หากใครใส่ขาสั้นหรือใส่เสื้อสายเดี่ยวเข้ามาจะไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าไปภายในบริเวณวัด

ซึ่งที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าไปชมความงามของวัดได้ ในช่วงเวลา 08.30-16.30 น. เท่านั้นโดยส่วนใหญ่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปไหว้พระแก้วมรกตได้ทุกวันยกเว้น หากทางพระบรมมหาราชต้องการประกอบพิธีราชมงคลต่างต่างก็จะมีการประกาศงดการเข้าเยี่ยมชม และข้อห้ามอีกเรื่องที่นักท่องเที่ยวต้องทำตามกฎของวัดก็คือ เวลาที่ถ่ายรูปภาพห้ามใช้แฟรชเป็นอันขาด สำหรับประวัติของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีประวัติเล่าต่อกันมาว่า มีการสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1  ซึ่งพระองค์ทรงสร้างพร้อมกับตอนที่สร้างพระบรมมหาราชวัง

โดยต้องการใช้พื้นที่เดียวกันในการสร้าง ซึ่งในตอนนั้นพระบรมมหาราชวังมีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 152 ไร่กับอีก 2 งาน ดังนั้นรัชกาลที่ 1 จึงได้ทรงตรัสให้สร้างพระราชฐานทั้งชั้นใน , ชั้นกลาง ,ชั้นนอก และทรงโปรดให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม รวมอยู่ในพื้นที่ด้วย เพราะในสมัยโบราณ พระมหากษัตรมักจะนิยมชอบสร้างวัดประจำตัวพระองค์เอาไว้สำหรับไปทำบุญ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้วส่วนใหญ่ก็หวังจะได้เข้ามากราบขอพระพระแก้วมรกตกันสักครั้งในชีวิต ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต้องการที่จะมาเยี่ยมชมความงดงามของวัดนั่นเอง

สถานที่เที่ยวเด็ดๆที่เรานั้นจะต้องไปให้ได้

สำหรับสาวๆคนไหนเป็นคนชอบถ่ายรูปเซลฟี่ละก็จะต้องไม่พลาดกับสิ่งที่เราจะนำมาเสนอเหล่านี้เป็นอย่างแน่ เพราะถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีวิวสวย ซึ่งเหมาะแก่คู่รักหรือเหมาะกับสาวๆที่ชอบในการถ่ายรูปเช็คอินเป็นอย่างมาก

สถานที่เด็ดที่เรานั้นจะต้องไปให้ได้นั่นก็คือ

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

แต่เดิมมีชื่อว่า “สวนพฤกษศาสตร์แม่สา” ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ประจำภาคเหนือของเหล่าชาวไทย ต่อมาหน่วยงานสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้โดยมีชื่อว่า “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” ที่นี่มีสภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบรวมทั้งที่สูงสลับกันเป็นชั้นๆในระดับ 300-970 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลักษณะการจัดและตกแต่งสวนจะแบ่งพันธุ์ไม้ตามวงศ์แล้วก็ความเหมาะสมของสภาพพื้นที่รวบรวมพันธุ์ไม้ทั้งในของประเทศและต่างประเทศนั่นเองโดยเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการถ่ายรูปและที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้นานาชนิด

น้ำตกรักจัง หรือ น้ำตกผาดอกเสี้ยว ดอยอินทนนท์

สำหรับน้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือน้ำตกรักจังนั้น ตั้งอยู่บ้านแม่กลางหลวง ในเขตที่เป็นของอุทยานแห่งชาติของดอยอินทนนท์ โดยน้ำตกผาดอกเสี้ยวนั้นมีทั้งหมด 10 ชั้นด้วยกันแต่ว่าไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องไปเยือนเป็นชั้นที่ 7 เนื่องจากสายน้ำจากน้ำตกชั้นบนไหลตกลงมากระทบด้านล่าง มีความสูงราว 20 เมตร สวยงามตระการตามากส่วนสาเหตุของชื่อน้ำตกผาดอกเสี้ยวนั้นก็มาจากชื่อต้นเสี้ยวซึ่งเป็นไม้เด่นบริเวณน้ำตกนั้นเอง

อุทยานผาช่อ

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นสถานที่เที่ยวธรรมชาติของจังหวัดเชียงใหม่ ผาช่อ เป็นการเกิดตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาจากการกัดเซาะของลมฝน กระทั่งทำให้แผ่นดินที่มีความเชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีนั้นสำหรับบริเวณรอบๆแถวนี้ เคยเป็นทางที่แม่น้ำปิงไหลผ่านโดยจะมีเหล่าบรรดาพวกตะกอนของแม่น้ำปิงนั้นได้มีการก่อตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าจึงทำให้มีการถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผานั่นเอง และจะเห็นเสาดินที่มีรูปร่างที่แปลกตานั้นมีรูปร่างเหมือนกับแพะเมืองผีในจังหวัดแพร่หรือฝั่งต้าในจังหวัดพะเยา โดยจะมีรูปร่างดูสวยงามและมีขนาดใหญ่มากเพราะมีความสูงราว 30 เมตรอีกด้วย

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาตินั้นเราอาจจะมองไม่เห้นในสิ่งที่เป็นความสวยงามของมัน แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบธรรมชาติก็ควรที่จะเดินทางไปมากเพราะล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่วยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหนก็ตามหรืออาจจะเป็นสถานที่ที่เรามาแนะนำนี่ก็ด้วย หากลองไปเชื่อได้ว่าจะต้องติดใจอย่างแน่นอน