เราได้ออกเดินทางด้วยรถไฟเพื่อที่จะตรงเข้าสู่อำเภอแม่เมาะที่จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลาสี่ทุ่ม รถไฟก็ค่อยๆเลื่อน
ออกจากสถานีรถไฟมันเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่เราเริ่มหวั่นๆในหัวใจกับลมหนาวในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนในขบวนรถไฟชั้น2
ซึ่งเมื่อขบวนรถไฟได้มุ่งเข้าสู้ภาคเหนือของประเทศแล้วในช่วงของค่ำคืนที่หนาวเหน็บกับการที่จะต้องตื่นทุกๆ1ชั่วโมง เพื่อที่จะลุกขึ้นมาปิดประตูโบกี้ที่มีคนขายกับข้าวได้เปิดเข้ามาอย่างสม่ำเสมอเพราะเราได้ที่นั่งสุดท้ายของตู้นี้ที่ติดริมประตูก็ไม่รู้ทำไมว่าทุกๆครั้งที่เราได้ขึ้นมานั่งบนรถไฟเข้าสู่จังหวัดลำปางเราก็มักจะได้นั่งที่ตู้นี้อยู่เสมอ
สถานีรถไฟแม่เมาะได้อยู่ก่อนถึงสถานีลำปางกว่า1ชั่วโมง ซึ่งเราได้เลือกที่จะลงที่สถานีรถไฟที่แม่เมาะอย่างที่เรานั้นยังไม่ได้มีแผนอะไรเลยคงแต่จะให้ในการเดินทางนำพาทุกๆอย่างๆ โดยได้มีจุดหมายเอาไว้เป็นเพียงแค่ข้ออ้างของการเริ่มออกเดินทางจากนั้นรถไฟก็ได้เดินทางมาถึงที่สถานีรถไฟแม่เมาะ
ซึ่งมันได้มีเพียงแค่เราคนเดียวทั้งขบวนที่ได้ลงสถานีรถไฟนี้และเมื่อเราได้พบเจอกับนายสถานีที่เขาได้เดินเข้ามาพูดคุยกับเราอย่างที่ดูเหมือนว่าเป็นมิตรจากนั้นเราก็ได้ถามหาถึงสถานที่พักที่อยู่ในพื้นที่นั้นหลังจากที่ได้พูดคุยกันจนจบบทสนทนามันได้ทำให้เราได้รับรู้ว่ามันได้มีโฮมสเตย์หนึ่งที่ได้อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟแห่งนี้นายสถานีบอกให้เราเดินไปตามถนนที่เลียบไปกับทางรถไฟ
โดยในตอนนั้นแดดค่อนข้างจะแผดร้อนขึ้นมาบ้างแล้วแต่เราก็ยังเดินตามหาโฮมสเตย์อย่างไม่รีบร้อนเราก็ได้พบกับคิวรถตู้หนึ่งเดียวของหมู่บ้านที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจะใช้โดยสารเข้าไปยังตัวเมืองแม่เมาะเราจึงได้ถ่ายรูปตารางเวลาของคิวรถไว้กันเหนียวก่อนและเราก็ได้เดินมาจนถึงสถานีแม่เมาะโฮมสเตย์ที่นายสถานีรถไฟได้แนะนำ
โฮมสเตย์ได้ตั้งอยู่แบบลับๆและเงียบๆดูจะเป็นตำแหน่งของการปลีกวิเวกที่ลงตัวเจ้าของที่พักอนุญาตให้เราใช้จักรยานของเธอได้ แต่พี่สาวของเธอนั้นกับทำให้เราแปลกใจมาไปกว่านั้นเราได้รู้จัดกับพี่เจ้าของโฮมสเตย์อีกหนึ่งคนที่เมื่อได้พูดคุยกันไม่นานพี่เจ้าของโฮมสเตย์ก็ได้พาเราขึ้นรถเพื่อที่จะออกไปตามเสียงของพิธีกรรมที่อยู่ไม่ห่างไปจากโฮมสเตย์ที่เจ้าของโฮมสเตย์ได้พาเรามายังศาลเจ้าพ่อใขุนโตซึ่งทางพี่เจ้าของโฮมสเตย์ได้บอกกับเราว่ามันไดเป็นวันโชคดีของเราที่ได้เห็นพิธีกรรมนี้ซึ่งมันก็ไม่ได้มีบ่อยครั้งนักในหมู่บ้าน
สนับสนุนโดย next88 login